นายราชิต สุดพุ่ม ผวจ.ปัตตานี ผู้กำกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินจ.ปัตตานี ขอบคุณภาพ FB ผู้ว่าราชการจ.ปัตตานี
นายราชิต สุดพุ่ม ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ในฐานะผู้กำกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินจังหวัดปัตตานี ออกคำสั่งที่ (พิเศษ) 31/2564 เรื่องมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID -19) ว่าด้วยการปฏิบัติศาสนกิจละหมาดอีฎิ้ลฟิตรี
ตามที่ได้มีข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ศ.2548) (ฉบับที่ 20) ลงวันที่ 16 เมษายน 2564 ข้อ 9 วรรคสอง "เพื่อความเหมาะสมกับสถานการณ์ของแต่ละพื้นที่ ผู้ว่าราชการจังหวัดอาจพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อในการสั่งปิด จำกัด หรือ ห้าม การดำเนินการของพื้นที่ สถานที่ หรือ พาหนะ หรือสั่งให้งดการทำกิจกรรมซึ่งมีความเสี่ยงต่อการระบาดของโรคในเขตพื้นที่รับผิดชอบเพิ่มเติมจากที่กำหนดได้ โดยให้ดำเนินการสอดคล้องกับมาตรการหรือแนวปฏิบัติที่นายกรัฐมนตรีกำหนด" ประกอบกับ จ.ปัตตานี มีผู้ป่วยยืนยันสะสมเพิ่มสูงขึ้น พบผู้ป่วยรายใหม่ทุกวัน จึงส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยและการดำรงชีวิตโดยปกติสุขของประชาชนและต่อระบบการให้บริการทางการแพทย์และสาธารณสุข กรณีดังกล่าวมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องกำหนดมาตรการควบคุมการระบาดของโรคให้เข้มข้นกว่าเดิม และได้มีประกาศจุฬาราชมนตรี เรื่อง มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ว่าด้วยการปฏิบัติศาสนกิจละหมาดอีฎิ้ลฟิตรี (ฉบับที่ 5/2564) ลงวันที่ 6 พฤษภาคม 2564 คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานีได้พิจารณาร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดปัตตานีและผู้กำกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินจังหวัดปัตตานี จึงได้กำหนดมาตรการเกี่ยวกับการปฏิบัติศาสนกิจที่มัสยิดและละหมาดอีฎิ้ลฟิตรีเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) อันเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินทวีความร้ายแรงมากขึ้น และให้สามารถยุติลงได้โดยเร็ว จึงเห็นควรยกเลิกคำสั่งจังหวัดปัตตานีที่(พิเศษ) 28/2564 เรื่อง งดการปฏิบัติศาสนกิจละหมาดอีฎิ้ลฟิตรีในพื้นที่เสี่ยง ลงวันที่ 8 พฤษภาคม 2564 และใช้คำสั่งนี้แทน
ข้อ 1 งดการปฏิบัติศาสนกิจละหมาดที่มัสยิด เป็นเวลา 14 วัน วันที่ 11-24 พฤษภาคม 2564 ยกเว้น การอาซานเพื่อประกาศบอกเวลาละหมาด และอิหม่าม คอเต็บ บิลาล เท่านั้นที่สามารถละหมาดที่มัสยิดได้
ข้อ 2 งดการปฏิบัติศาสนกิจละหมาดอีฎิ้ลฟิตรีที่มัสยิด และพื้นที่สาธารณะอื่นใด
ข้อ 3 งดการจัดเลี้ยงอาหาร และหลีกเลี่ยงการจัดกิจกรรมที่มีการรวมตัวเป็นกลุ่ม เช่น เยี่ยมญาติ และการเยี่ยมกุโบร์ (สุสาน) เป็นต้น
ข้อ 4 คำสั่งใดขัดหรือแย้งกับคำสั่งนี้ให้ใช้คำสั่งนี้แทน
การดำเนินการตามคำสั่งนี้ เป็นไปตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 จึงไม่อยู่ในบังคับของกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองและกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งศาลปกครอง และวิธีพิจารณาคดีปกครองตามมาตรา 16 พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548
หากผู้ใดฝ่าฝืนคำสั่งนี้ มีความผิดตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหรือเป็นความผิดตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2558 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภาคม 2564 เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 11 พฤษภาคม 2564 ลงนามโดย นายราชิต สุดพุ่ม ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ผู้กำกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินจังหวัดปัตตานี
พัชรา ยิ่งดำนุ่น
สถานีวิทยุ ม.อ.ปัตตานี
เรียบเรียง
ขอบคุณที่มา:
เพจผู้ว่าราชการ จ.ปัตตานี