เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2567 ณ ห้องประชุมพอเพียง โรงเรียนเทศบาล 2 วัดตานีนรสโมสร อ.เมือง จ.ปัตตานี ดร.อาทิตยา สมโลก หัวหน้าสถานีวิทยุ ม.อ.ปัตตานี พร้อมบุคลากรสถานีวิทยุ ม.อ.ปัตตานี และเจ้าหน้าที่ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาปัตตานี จัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้บูรณาการร่วมกับเครือข่ายนักสื่อสารสุขภาวะ สร้างความรู้ความเข้าใจให้กับเด็กและเยาวชนตระหนักถึงพิษภัยบุหรี่ไฟฟ้า โดยกลุ่มเป้าหมายนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 เข้าร่วมกว่า 120 คน

ดร.อาทิตยา สมโลก หัวหน้าสถานีวิทยุ ม.อ.ปัตตานี กล่าวว่า ปัจจุบันสถานการณ์การระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าในเด็กไทยเข้าขั้นวิกฤต เด็กเริ่มสูบบุหรี่ไฟฟ้าตั้งแต่ชั้นประถมศึกษา ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยพบมาก่อน การแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าหนักขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เนื่องมาจากบริษัทบุหรี่ผลิตบุหรี่ไฟฟ้าหรือพอดแบบใช้แล้วทิ้ง และยังออกแบบให้พกพาง่าย รูปร่างสวยงาม มีกลิ่นหอม รวมทั้งยังมีการโฆษณาผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียที่เด็กเข้าถึงได้ง่าย และดึงดูดใจ ทำให้เด็กเข้าใจผิดว่าไม่อันตราย ทั้งที่จริงแล้วงานวิจัยใหม่ ๆ ที่ออกมาแสดงอย่างชัดเจนว่า บุหรี่ไฟฟ้ามีอันตรายต่อสุขภาพ ทั้งอันตรายต่อปอด หัวใจ หลอดเลือด สมอง และยังเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง  การจัดกิจกรรมในครั้งนี้จะเป็นอีกหนึ่งแนวทางในการช่วยสร้างความรู้ความเข้าใจให้กลุ่มเป้าหมายมีความตระหนักถึงพิษภัยบุหรี่ไฟฟ้า ที่จะส่งผลกระทบกับพวกเขาในระยะยาว อีกทั้งยังจะช่วยจุดประกาย กระตุ้น สานและเสริมพลัง บุคคล ชุมชน และองค์กรทุกภาคส่วน ให้มีขีดความสามารถและสร้างสรรค์ระบบสังคมที่เอื้อต่อการมีสุขภาวะที่ดี ลดปัจจัยเสี่ยงเพิ่มปัจจัยบวก ถือเป็นแนวทางที่ดีที่จะทำให้เยาวชนได้ตระหนักถึงพิษภัย และยังเป็นเป็นกระบอกเสียงไปยังกลุ่มบุคคลอื่นที่ยังมีพฤติกรรมสูบบุหรี่อีกด้วย  จากปัญหาดังกล่าวผู้จัดทำโครงการจึงได้จัดทำโครงการในประเด็นบุหรี่ไฟฟ้าในเด็กชั้นประถมศึกษาตอนปลาย ป.4-6 ในจังหวัดปัตตานี

ทั้งนี้จากข้อมูลของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวถึงสถานการณ์การสูบบุรี่ในพื้นที่ภาคใต้ยังน่าเป็นห่วง แม้สถิติจะลดลงหากเทียบกับปีก่อนหน้านี้ แต่หากพิจารณาจากข้อมูลของกองสุขศึกษา กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ รายงานพฤติกรรมการสูบบุหรี่ไฟฟ้าของเยาวชนไทย ปี 2566 พบว่า เยาวชนสูบบุหรี่ไฟฟ้า 9.1% และมีข้อมูลการสำรวจของสถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทยที่ไปเก็บข้อมูลเชิงลึกจากศูนย์ฝึกอบรมเด็กและเยาวชนและสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน 39 แห่งทั่วประเทศ ยืนยันว่าเยาวชนก่อนต้องโทษคดียาเสพติดเคยสูบบุหรี่มวน 95.4% และเคยสูบบุหรี่ไฟฟ้า 79.3% ยืนยันว่าบุหรี่เป็นประตูนำสู่ยาเสพติดอื่น